วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บึงสีไฟ                            

 บึงสีไฟ เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เป็นอันดับ3 ของประเทศไทย รองจาก บึงบอระเพ็ด ทะเลสาบหนองหาน และกว๊านพะเยา ตามลำดับ เป็นที่อยู่อาศัยของปลาและนกหลายชนิด มีเนื้อที่ประมาณ 5,390 ไร่ ซึ่งลดลงมาภายหลังการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ที่เดิมบึงสีไฟมีพื้นที่ประมาณ 10,000 ไร่ และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง และชมพระอาทิตย์ตก กลางบึงสีไฟในยามเย็น 
     บึงสีไฟถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งแรกของจังหวัดพิจิตร ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง อยู่ห่างจากศษลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตกเพียง 1 กิโลเมตร บึงแห่งนี้มีอาณาเขตติดต่อกับ 4 ตำบลในอำเภิเมืองพิจิตร ได้แก่ ตำบลท่าหลวง ตำบลโรงช้าง ตำบลคลองคะเชนท์ และตำบลเมืองเก่า บึงมีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5-2 เมตร ซึ่งถือว่าไม่ลึกมากหนัก 
    บึงสีไฟเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ปัจจุบันกรมประมงได้จัดทำเป็นแหล่งเพาะพันธุ์น้ำจืดที่ใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศได้มีการทดลองนำลูกปลาบึกมาเลี้ยงพบว่า มีการเจริญเติบโตดีนอกจากนั้นยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกตามธรรมชาติอีกหลายพันธุ์ จังหวัดได้ดำเนินการพัฒนาและประกาศเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ ทั้งสัตว์น้ำและนก
     ชาวพิจิตรถือว่าบึงสีไฟเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตร มักมีคำกล่าวว่า "มาจังหวัดพิจิตรแล้วไม่ได้ไปเที่ยวบึงสีไฟ เหมือนไปไม่ถึงจังหวัดพิจิตร" จังหวัดได้จัดสร้าง รูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ มีความยาวถึง 38 เมตร กว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของพญาชาละวัน อันเป็นจระเข้ที่อยู่ในตำนานเมืองพิจิตร ทุกวันในเวลาเย็นจะมีประชาชนไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายในบริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (บึงสีไฟ) เป็นจำนวนมาก และได้จัดให้มีการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ร่วมถึงเป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปลาชนิดต่างๆจากพิพิธภัณฑ์ ปลาน้ำจืดในศาลาเก้าเหลี่ยม 
     จังหวัดได้ใช้เป็นสถานที่ให้การต้อนรับ เช่น รับเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และบุคลสำคัญอีกหลายท่านใช้เป็นสถานที่ จัดงานของจังหวัด เช่น งานกาชาด งานลอยกระทง เป็นต้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น